Contenu connexe
Similaire à บทที่ 1 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (20)
บทที่ 1 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- 2. 1.1 ความหมายของเทคโนโลยี
เทคโนโลยี (Technology) คือการประยุกต์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มา
ใช้ให้เกิดประโยชน์ ที่เกี่ยวข้องการผลิต การสร้างวิธีการดาเนินงาน และรวมถึงอุปกรณ์
ต่างๆ ที่ไม่ได้มีในตามธรรมชาติโลกแห่งเทคโนโลยียุคนี้ ทาให้มนุษย์ได้รับสิ่งอานวยความ
สะดวกจากเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับการดาเนินชีวิตประจาวันมากมายนับไม่ถ้วน
สารสนเทศ (Information) คือผลลัพธ์ที่เกิดจากการประมวลผล ข้อมูลดิบ ด้วยการ
รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ และนามาผ่านกระบวนการประเมินผล ไม่ว่าจะเป็นการจัด
กลุ่มข้อมูล การเรียงลาดับข้อมูล การคานวณและสรุปผล จากนั้นก็นามาเสนอในรูปแบบ
ของรายงานที่เหมาะสมต่อการใช้งานที่ก่อเกิดประโยชน์การดาเนินชีวิตของมนุษย์ ไม่ว่าจะ
เป็นด้านของชีวิตประจาวัน ข่าวสาร ความรู้ด้านวิชาการ ธุรกิจ
- 3. เมื่อนาคาว่า เทคโนโลยี และ สารสนเทศ รวมเข้าไว้ด้วยกันแล้ว จึงสรุป
ความหมายโดยรวมได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information technology) คือการ
ประยุกต์ความรู้ทางด้านวิทยาสาสตร์มาจัดการสารสนเทศที่ต้องการ โดยอาศัย
เครื่องมือทางเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีด้านเครือข่าย
โทรคมนาคมและการสื่อสาร ตลอดจนอาศัยความรู้ในกระบวนการดาเนินงาน
สารสนเทศในขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การแสวงหา การวิเคราะห์ การจัดเก็บ รวมถึงการ
จัดการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนสารสนเทศด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความถูกต้อง
แม่นยา และความรวดเร็วทันต่อการนามาใช้ประโยชน์ได้นั่นเอง
- 4. 1.2 องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
1.2.1 ฮาร์ดแวร์ (hardware) หมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ
เช่น คีย์บอร์ด (keyboard) เมาส์ (mouse) จอภาพ (monitor) จอภาพสัมผัส (touch
screen) ปากกาแสง (light pen) เครื่องอ่านรหัสแท่ง (barcode reader) เครื่องพิมพ์
(printer) ฮาร์ดดิสก์ (hard disk) รวมทั้งอุปกรณ์สื่อสารสาหรับเสื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าเป็น
เครือข่าย เช่น โมเด็ม (modem) และสายสัญญาณ
- 5. 1.2.2 ซอฟต์แวร์ (software) หมายถึงโปรแกรมหรือชุดคาสั่ง ที่ใช้ควบคุมการทางาน
ของเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เพื่อให้ทางานตามคาสั่งของผู้ใช้ โดยทั่วไป
โปรแกรม หรือชุดคาสั่ง
แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ
ซอฟต์แวร์ระบบ (system software)
ซอร์ฟแวร์ประยุกต์ (application software)
- 6. ซอฟต์แวร์ระบบ (system software) หมายถึง ชุดคาสั่งที่ทาหน้าที่ควบคุมการทางาน
ของเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆและทาหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับ
เครื่องคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็น
ระบบปฏิบัติการ(Operating System: OS) เป็นซอฟต์แวร์ที่หน้าที่ควบคุมการทางาน
ของอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดภายในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยจะทาหน้าที่ดูแลและจัดหา
ให้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งอยู่ทางานประสานกันอย่างเป็นระบบ ตัวอย่าง
ระบบปฏิบัติการ เช่น วินโดวส์ (windows) ลินุกซ์ (Linux) และแมคโอเอส (mac OS)
โปรแกรมอรรถประโยชน์ (utilities program) เป็นโปรแกรมที่ช่วยเสริมการทางาน
ของคอมพิวเตอร์ หรือช่วยโปรแกรมใช้งานอื่นๆ ให้มีความสามารถใช้งานได้สะดวกและ
รวดเร็วยิ่งขึ้น เช่นโปรแกรมที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูล (file manager) โปรแกรมที่ใช้งานได้
สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น โปรแกรมที่ใช้ในการบีบอัดแฟ้ มข้อมูล (file compression)
และโปรแกรมที่ใช้ในการจัดพื้นที่ของดิสก์ (disk defragmenter)
- 8. ซอร์ฟแวร์ประยุกต์ (application software) หมายถึง ชุดคาสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อให้เครื่อง
คอมพิวเตอร์ทางานตามวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง ซอร์ฟแวร์ประยุกต์อาจเขียนขึ้นโดยใช้
โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ เช่น เบสิก (basic) ปาสคาล (pascal) โคบอล (cobol) ซี (C)
ซีพลัสพลัส (C ++) และวาจา (Java) ซอฟต์แวร์ประยุกต์แบ่งตามกลุ่มการใช้งานได้
- 9. 1.2.3 บุคลากร (people) บุคลากรเป็นองค์ประกอบที่สาคัญที่สุดของระบบสารสนเทศ
ในที่นี้หมายถึงบุคคลากรที่เป็นผู้พัฒนาระบบสารสนเทศบุคคลากรที่เป็นผู้พัฒนาระบบ
สารสนเทศจะต้องมีความรู้ความสามารถในการพัฒนาระบบสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพให้
สามารถทางานได้ตามความต้องการของผู้ใช้ ง่ายและสะดวก ส่วนผู้ใช้ต้องมีความรู้ ความ
เข้าใจ และมีความสามารถในการใช้งานระบบ สารสนเทศและการสื่อสารต่างๆ ได้อย่าง
ถูกต้องจึงเกิดสารสนเทศที่เป็นประโยชน์
1.2.4 ขั้นตอนการปฏิบัติงาน (procedure) ระบบสารสนเทศต้องมีขั้นตอนการ
ปฏิบัติงานที่เป็นลาดับขั้นชัดเจนเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจได้ง่ายและดาเนินงานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพทั้งในสถานการณ์ปกติและสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ขั้นตอนการบันทึกข้อมูล
ขั้นตอนการทาสาเนาข้อมูลขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อข้อมูลได้รับความเสียหาย หรือเมื่อเครื่อง
คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ เกิดการชารุดเสียหาย ขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ควรได้รับการ
รวบรวมและจัดทาให้เป็นรูปเล่ม ของคู่มือการใช้งาน
- 12. 1.3.4 ด้านการเงินการธนาคาร เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถูกนามาใช้ในด้าน
การเงินและธนาคาร โดยใช้ช่วยงานด้นบัญชี การฝากถอนเงิน โอนเงิน บริการสินเชื่อ
แลกเปลี่ยนเงินตรา บริการข่าวสารการธนาคาร การใช้คอมพิวเตอร์ด้านการเงินการธนาคารที่
รู้จักและนิยมใช้กันทั่วไป เช่น บริการฝากถอนเงิน การโอนเงินแบบเล็กทรอนิกส์
1.3.5 ด้านความมั่นคง มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกันอย่างแพร่หลาย
เช่น ใช้ในการควบคุมประสานงานวงจรสื่อสารทหาร การแปลรหัสลับในงานจารกรรมระหว่าง
ประเทศ การส่งดาวทียมและการคานวณวิถีการโคจรของจรวดไปสู่อวกาศ สานักงานตารวจ
แห่งชาติของประเทศไทยมีศูนย์ประมวลข่าวสาร มีระบบมีระบบจัดทาระเบียนปืน ทะเบียน
ประวัติอาชญากร ทาให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการสืบค้นข้อมูลเพื่อการสืบสวนคดี
ต่างๆ ตัวอย่างเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารก้านความมั่นคง
1.3.6 ด้านการคมนาคม มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในส่วนที่เกี่ยวกับ
การเดินทาง เช่น การเดินทางโดยรถไฟ มีกรเชื่อมโยงข้อมูลการจองที่นั่งไปยังทุกสถานีทาให้
สะดวกต่อผู้โดยสารการเช็คอินของสายการบิน ได้จัดทาเครื่องมือที่สะดวกต่อลูกค้าในรูปแบบ
ของการเช็คอินด้วยตนเอง
- 13. 1.3.7 ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สื่อสารในการออกแบบ หรือจาลองสภาวการณ์ต่างๆ เช่น การรับแรงสั่นสะเทือนของอาคาร
เมื่อเกิดแผ่นดินไหว โดยการคานวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคียงความจริง ตัวอย่าง
ซอฟแวร์การเกิดแผ่นดินไหว
1.3.8 ด้านการพาณิชย์ องค์กรในภาคธุรกิจใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและ
การสื่อสารในการบริหารจัดการ เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับองค์กรในการทางาน ทาให้
การประสานงานหรือการทากิจกรรมต่างๆ ของแต่ละหน่วยงานในองค์กร หรือระหว่างองค์กร
เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างของการนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สื่อสารมาใช้ในด้านการพาณิชย์ เช่น การให้บริการชาระค่าสินค้าบริการ การสั่งซื้อสินค้าทาง
อินเทอร์เน็ต และการตรวจสอบราคาสินค้าผ่านเครื่องอ่านราคาสินค้า
- 17. 1.5 ความเปลี่ยนแปลงจากการใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสาร
1.5.1 ด้านสังคม สภาพเหมือนจริง การใช้อินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงการทางานต่างๆ จน
เกิดเป็นสังคมที่ติดต่อผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือที่รู้จักกันว่า ไวเบอร์สเปซ (cyber space) ซึ่ง
มีกิจกรรมต่างๆ เช่น การพูดคุย การซื้อสินค้า และการบริการ การทางานผ่านเครือข่าย
คอมพิวเตอร์ทาให้เกิดสภาพที่เหมือนจริง (virtual) เช่น เกมเสมือนจริง ห้องสมุดเสมือนจริง
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง ห้องประชุมเสมือนจริง และที่ทางานเสมือนจริง ซึ่งทาไห้ลดเวลาในการ
เดินทางและสามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
1.5.2 ด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารส่งผลให้เกิดสังคม
โลกาภิวัฒน์(globalization) เพราะสามารถชมข่าว ชมรายการโทรทัศน์ที่จะส่งกระจายผ่าน
ดาวเทียมของประเทศต่างๆ ได้ทั่วโลก สามารถรับรู้ข่าวสารได้ทันที ใช้อินเทอร์เน็ตในการ
ติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ระบบเศรษฐกิจซึ่งแต่เดิมมีขอบเขตจากัดภายในประเทศ ก็กระจาย
เป็นเศรษฐกิจโลก เกิดกระแสการหมุนเวียนแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการอย่างกว้างขวางและ
รวดเร็ว ระบบเศรษฐกิจของทุกประเทศในโลกจึงเชื่อมโยงและผูกพันกันมากขึ้น
- 19. 1.6 ตัวอย่างอาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสาร
1.6.1 นักเขียนโปรแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ (Programmer) ทาหน้าที่ในการเขียน
โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น โปรแกรมเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้า
โปรแกรมที่ใช้กับงานด้านบัญชี หรือโปรแกรมที่ใช้กับระบบงานขนาดใหญ่ขององค์กร
1.6.2 นักวิเคราะห์ระบบ (System analyst) ทาหน้าที่ในการศึกษาวิเคราะห์และ
พัฒนาระบบสารสนเทศ นักวิเคราะห์และพัฒนาระบบสารสนเทศ นักวิเคราะห์ระบบจะทา
การวิเคราะห์ระบบงานและออกแบบระบบสารสนเทศให้ตรงกับความต้องการของ
ผู้ใช้งาน ซึ่งอาจรวมถึงงานด้านการออกแบบฐานข้อมูลด้วย
- 20. 1.6.3 ผู้ดูแลและบริหารฐานข้อมูล (Database administrator) ทาหน้าที่บริหารและ
จัดการฐานข้อมูล(Database)รวมถึงการออกแบบ บารุงรักษาข้อมูล และการดูแลระบบ
ความปลอดภัยของฐานข้อมูล เช่น การกาหนดบัญชีผู้ใช้ การกาหนดสิทธิ์ผู้ใช้
1.6.4 ผู้ดูแลและบริหารระบบ (System administrator) ทาหน้าที่บริหารและจัดการ
ระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กร โดยดูแลการติดตั้งและบารุงรักษาระบบปฏิบัติการ การติดตั้ง
ฮาร์ดแวร์ การติดตั้งและการปรับปรุงซอฟต์แวร์ สร้าง ออกแบบและบารุงรักษาบัญชีผู้ใช้
สาหรับองค์กรขนาดเล็กเจ้าหน้าที่ควบคุมระบบอาจต้องดูแลและบริหารระบบเครือข่ายด้วย
- 21. 1.6.5 ผู้ดูแลและบริหารระบบเครือข่าย (Network administrator) ทาหน้าที่บริหาร
และจัดการออกแบบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และดูแลรักษาความปลอดภัยของระบบ
เครือข่ายขององค์กร เช่น ตรวจสอบการใช้งานเครือข่ายของพนักงานและติดตั้งโปรแกรม
ป้ องกันผู้บุกรุกเครือข่าย
1.6.6 ผู้พัฒนาและบริหารระบบเว็บไซต์ (Webmaster) ทาหน้าที่ออกแบบพัฒนา
ปรับปรุงและบารุงรักษาเว็บไซต์ให้มีความทันสมัย โดยเฉพะอย่างยิ่งต้องมีการปรับปรุง
ข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
1.6.7 เจ้าหน้าที่เทคนิค (Technician) ทาหน้าที่ซ่อมบารุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์
ติดตั้งโปรแกรม หรือติดตั้งฮาร์ดแวร์ต่างๆ และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดจากการ