Contenu connexe Plus de Kanjana Panyawarin Plus de Kanjana Panyawarin (20) Genetic2. ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) “ เทคโนโลยีพันธุศาสตร์ ”
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) “ Do you know genetics? ”
ประเภทโครงงาน เพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน 1. นางสาว เกษราภรณ์ แสนสุวงศ์ เลขที่ 16 ม.6/7
2. นางสาว กาญจนา ปัญญาวารินทร์ เลขที่ 17 ม.6/7
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน 2 เดือน
3. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
เนื่องจากในปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาอย่างแพร่หลาย และเป็นที่นิยม ทาให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงใน ด้านต่างๆในชีวิตประจาวัน ไม่ว่าจะเป็นการทางาน การเดินทาง คมนาคม
การสื่อสาร ทุกอย่างที่กล่าวมามีการนาเอา เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท รวมทั้งสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นมา
ใหม่ทั้งพืชและสัตว์มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น เนื่องจากการการ เปลี่ยนแปลงลาดับบนยีน ซึ่ง
ความหลากหลายที่เกิดขึ้น มาจากการที่มนุษย์รู้จักคิดและใช้เทคโนโลยีทางพันธุศาสตร์มาดัดแปลง
ดังนั้นจะเห็นว่าเทคโนโลยีพันธุศาสตร์มีความสาคัญต่อยุคปัจจุบัน มีประโยชน์ต่อด้านการเกษตร
การแพทย์ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาอุตสาหกรรม
ผู้จัดทาจึงมีความสนใจในเรื่องการเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับยีนของสิ่งมีชีวิต หรือที่
เรียกว่า เทคโนโลยีพันธุ วิศวกรรม และอาจมีบุคคลอื่นๆที่สนใจ จึงจัดทาโครงงานนี้มาเพื่อเป็น
การศึกษาและเผยแพร่ความรู้ต่อไป
12. โดยปกติแล้ว พันธุวิศวกรรม(genetic engineering) จะเป็นการตัด
ต่อยีนหรือเป็นการเคลื่อนย้ายยีน(transgenesis)จากสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง
ใส่เข้าไปกับยีนของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง นั่นคือทาให้เกิดการถ่ายทอดของ
ยีนและลักษณะที่ยีนนั้นได้ทาการควบคุมอยู่ เพื่อให้สิ่งมีชีวิตที่ถูกนายีนใส่
เข้าไป มียีนที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ โดยอาจทาการเพิ่มปริมาณยีนขึ้น
อีกเพื่อให้มีปริมาณที่มากเพียงพอที่จะนาไปทาให้ได้ผลผลิตมีคุณภาพที่ดีขึ้น
และทาให้ได้ปริมาณของผลผลิตที่สูงขึ้นอีกด้วย โดยที่พันธุวิศวกรรม
(genetic engineering)อาจจะทาให้เกิดสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ที่อาจ
ไม่เคยปรากฏในธรรมชาติมาก่อน
13. ตัวอย่างที่ทาพันธุวิศวกรรม (genetic engineering) เช่น การใส่ยีนที่
สร้างฮอร์โมนอินซูลินเข้าไปในแบคทีเรียหรือยีสต์ เพื่อให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้
สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ แล้วทาการเพาะเลี้ยงสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ให้ได้ใน
ปริมาณที่มากเพื่อจะได้ผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้มากตาม โดยสามารถนามาทา
การสกัดให้บริสุทธิ์เพื่อใช้ทาการรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานได้ เป็นต้น
20. พันธุ์พืชต้านทานแมลง
มีสารสกัดชีวภาพจากแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis หรือ บีที ที่ใช้กาจัดแมลง
กลุ่มหนึ่งอย่างได้ผลโดยการฉีดพ่นคล้ายสารเคมีอื่น ๆ เพื่อลดการใช้สารเคมีด้วยความก้าวหน้า
ทางวิชาการทาให้สามารถแยกยีนบีที จากจุลินทรีย์นี้และถ่ายฝากให้พืชพันธุ์ต่าง ๆ เช่น ฝ้าย
ข้าวโพด และมันฝรั่ง เป็นต้น ให้ต้านทานแมลงกลุ่มนั้น และใช้อย่างได้ผลเป็นการค้าแล้วในบาง
ประเทศ
29. การตรวจโรค เมื่อสามารถสังเคราะห์ชิ้นส่วนของดีเอ็นเอ(DNA) หรือยีน(gene)ได้แล้ว ก็
สามารถพัฒนาเป็น molecularprobes สาหรับใช้ในการตรวจโรคต่างๆได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
การพัฒนายารักษาโรคและวัคซีน ยารักษาโรค และวัคซีน ใหม่ๆ ผลิตโดยวิธีพันธุวิศวกรรม
(genetic engineering)ในจุลินทรีย์ หรือ recombinant DNA ทั้งสิ้น
การสับเปลี่ยนยีนด้อยด้วยยีนดี (gene therapy) ในอนาคต เมื่องานวิจัยจีโนมมนุษย์สาเร็จ
ความหวังของคนที่ป่วยเป็นโรคทางพันธุกรรม อาจมีหนทางรักษาโดยวิธีปรับเปลี่ยนยีน
(gene)ได้
35. การที่ พันธุวิศวกรรม พัฒนาไปในหลายๆด้านนั้น ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อพันธุกรรมพืช
หรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับดีเอ็นเอ(DNA)หรือทางด้านอื่นๆ เป็นผลทาให้การพัฒนาทางด้าน
เทคโนโลยีชีวภาพ พัฒนาตามไปด้วย เพราะเนื่องด้วย พันธุวิศกรรม นั้นเป็นส่วนหนึ่ง
เทคโนโลยีชีวภาพนั่นเอง
37. จีเอ็มโอ ย่อมาจากคาภาษาอังกฤษว่า Genetically Modified Organisms (GMOs)
คือ สิ่งมีชีวิตซึ่งไม่ว่าจะเป็นพืช หรือสัตว์ หรือแบคทีเรีย หรือ จุลินทรีย์ ที่ถูกดัดแปลง พันธุกรรม
จากกระบวนการทาง พันธุวิศวกรรม (Genetic Engineering)
38. โดยจากการตัดเอายีน(gene)ของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง มาใส่เข้าไปในยีน(gene)ของสิ่งมีชีวิต
อีกชนิดหนึ่ง โดยตามปกติไม่เคยผสมพันธุ์กันได้ในธรรรมชาติเพื่อให้สิ่งมีชีวิตชนิดนั้น ที่มี
คุณลักษณะหรือคุณสมบัติตามที่ต้องการซึ่งสิ่งมีชีวิตที่ถูกนายีน(gene)มาใส่เข้าไปแล้วก็
คือ จีเอ็มโอ(GMOs) ตัวอย่างเช่น นายีน(gene)ทนความหนาวเย็นจากปลาขั้วโลกมาผสม
กับมะเขือเทศเพื่อให้มะเขือเทศปลูกในที่ที่อากาศหนาวเย็นได้ นายีน(gene)จากแบคทีเรีย
ชนิดหนึ่งมาใส่ในยีน(gene)ของถั่วเหลืองเพื่อให้ถั่วเหลืองทนทานต่อยาปราบวัชพืช นายีน
(gene)จากไวรัสมาใส่ในมะละกอเพื่อให้มะละกอต้านทานโรคไวรัสใบด่างวงแหวนได้ เป็น
ต้น
41. พืช GMOs หรือ พืชดัดแปลงพันธุกรรม คือ พืชที่ได้รับการคัดเลือกให้มาผ่าน
กระบวนการทางพันธุวิศวกรรม(Genetic Engineering) เพื่อที่จะให้พืชชนิดนั้นมีคุณลักษณะ
หรือคุณสมบัติที่จาเพาะเจาะจงตรงตามความต้องการ
43. พืช GMOs หรือ พืชดัดแปลงพันธุกรรม
ถือว่าเป็น จีเอ็มโอ (GMOs – Genetically
Modified Organisms) หรือ สิ่งมีชีวิตดัดแปลง
พันธุกรรม ประเภทหนึ่ง ซึ่งพืชที่ผ่านการตัดต่อยีน
(Gene)แล้วจากกระบวนการทางพันธุวิศวกรรม
(Genetic Engineering) มีอีกชื่อเรียกหนึ่งที่มัก
เรียกกัน นั่นคือ “Transgenic Plant”
44. พืชจีเอ็มโอ (พืช GMOs) ที่ได้มีการวางจาหน่ายแล้วตามท้องตลาดในปัจจุบัน ได้แก่
ข้าวโพด, มะเขือเทศ, ถั่วเหลือง, ฝ้าย, มันฝรั่ง, มะละกอ, สควอช (Squash) และ คาโนลา
(Canola)(พืชที่ให้น้ามัน)
46. มะเขือเทศ GMOs
ทาให้ได้มะเขือเทศมีลักษณะที่ดีขึ้น มีความ
ทนทานต่อโรคมากขึ้น จากการที่ใส่
antisense gene ของยีน(gene)ที่ผลิต
เอนไซม์polygalacturonase (PG) ทาให้
เอนไซม์polygalacturonase ถูกรบกวน
การแสดงออก มีผลทาให้เนื้อของมะเขือ
เทศมีความแข็งมากขึ้นทาให้ลดความ
เสียหายหรือการบอบช้าขณะทาการขนส่ง
ลง ทาให้มะเขือเทศเน่าช้าลงหลังจากที่เก็บ
เกี่ยวแล้ว
48. ถั่วเหลือง GMOs
ทาให้ได้ถั่วเหลืองที่มีลักษณะที่ดีขึ้น จากการนายีน(gene)จากแบคทีเรียใส่ลงไปในดี
เอ็นเอ(DNA)ของถั่วเหลือง ทาให้ถั่วเหลืองมีความสามารถที่ทนทานต่อสารเคมีที่ปราบ
วัชพืชชนิด Roundup (glyphosate) หรือ glufosinate ได้ดีกว่าถั่วเหลืองแบบทั่วไป มีผล
ทาให้สามารถใช้สารเคมีชนิด Roundup ได้ในปริมาณที่มากขึ้น ก่อให้เกิดได้ผลผลิตของถั่ว
เหลืองมีจานวนมากขึ้นไปด้วย, จากการที่ทาการ knocked out ยีน(gene)เดิมที่ทาให้เกิด
ไขมันชนิดอิ่มตัว ทาให้ได้ถั่วเหลืองที่มีไขมันชนิดอิ่มตัวน้อยลง, จากการที่นายีน(gene)พวก
ยีนบีทีใส่ลงไปในถั่วเหลืองทาให้ถั่วเหลืองสามารถฆ่าหนอนแมลงที่เป็นศัตรูของถั่วเหลือง
ได้
50. มันฝรั่ง GMOs
ทาให้ได้มันฝรั่ง (Potato)ที่มีลักษณะ
ที่ดีขึ้น มีคุณค่าทางสารอาหารที่เพิ่มมากขึ้นโดยได้
ใส่ยีน(gene)ของแบคทีเรียที่ชื่อ Bacillus
thuringiensis แทรกเข้าไปในยีน(gene)ของมัน
ฝรั่ง ทาให้มันฝรั่ง GMOs มีคุณค่าทางสารอาหาร
(เพิ่มปริมาณโปรตีน)ที่เพิ่มมากขึ้น และในบาง
ชนิดอาจมีประโยชน์ในทางการแพทย์ที่สามารถ
ผลิตวัคซีนที่เป็นประโยชน์กับมนุษย์ได้อีกด้วย
52. อ้อย GMOs
ทาให้ได้อ้อยที่มีลักษณะที่ดีขึ้น ทาให้
สามารถต่อต้านยาฆ่าแมลง และมีปริมาณน้าตาล
ซูโครสในปริมาณที่สูงขึ้น
ข้าว GMOs
ทาให้ได้ข้าวที่มีลักษณะที่ดีขึ้น
สามารถทนแล้ง ทนเค็มได้ หรือ มีสารอาหาร
อย่างบีต้าแคโรทีน(beta-carotene) ที่เป็นสาร
เริ่มต้น (precursor)ของวิตามิน A ได้
53. พริกหวาน GMOs
ทาให้ได้พริกหวานที่มีลักษณะที่ดีขึ้น จาก
การที่ใส่ยีน(gene)coat protein ของไวรัสลงไปในดี
เอ็นเอ(DNA)ทาให้สามารถต้านทานไวรัสได้
สตรอเบอรี่GMOs
ทาให้ได้สตรอเบอรี่ที่มีลักษณะที่ดีขึ้น
อย่างเช่น ผลของสตรอเบอรี่เน่าเสียได้ช้าลง ก่อให้เกิด
ความสะดวกในการขนส่งมากยิ่งขึ้น ทาให้ผลของ
สตรอเบอรี่มีสารอาหารเพิ่มมากขึ้น
54. แอปเปิล GMOs
ทาให้ได้แอปเปิลที่มีลักษณะที่ดีขึ้น คือ
ทาให้แอปเปิลมีความสดใหม่และมีความกรอบของ
ผลแอปเปิลเป็นระยะเวลาที่ยาวนานขึ้นหรือคือทาให้
ระยะเวลาในการเน่าเสียช้าลง (delay ripening) ทา
ให้แอปเปิลทนทานต่อแมลงต่างๆ ที่เป็นศัตรูของ
แอปเปิล
วอลนัท GMOs
ทาให้ได้เม็ดวอลนัทมีลักษณะที่ดีขึ้น คือ
ทนทานต่อโรคของวอลนัทมากขึ้น
55. คาโนลา(Canola) GMOs
ทาให้ได้คาโนลา(Canola)มีลักษณะที่ดี
ขึ้น ต้านทานยาปราบวัชพืชพวก glyphosate หรือ
glufosinate ได้ ทาให้ได้น้ามันจากคาโนลา
(Canola)มากขึ้น
สควอช(Squash)GMOs
ทาให้ได้สควอช(Squash)มีลักษณะที่ดี
ขึ้น จากการที่ใส่ยีน(gene)coat protein ของไวรัส
ลงไปในดีเอ็นเอ(DNA)ทาให้สามารถต้านทาน
ไวรัสได้
58. ๐ การคัดเลือกเซลล์หรือกลุ่มเซลล์หรือเนื้อเยื่อของพืช ที่มีความสามารถในการพัฒนาเป็น
ต้นได้ในอัตราส่วนที่สูง เพื่อใช้เป็นเป้าหมายในการถ่ายฝากยีนเข้าไป เช่น เอ็มบริโอ
(Embryo), แคลลัส (Callus) ซึ่งเป็นกลุ่มเซลล์พื้นฐานที่สามารถที่จะชักนาการ
เจริญเติบโตได้หลายทาง โดยขี้นอยู่กับสารที่ใช้ในการควบคุมการเจริญเติบโตหรือสารเคมี
อื่นๆที่ใช้เติมเข้าไปในอาหารเพาะเลี้ยง, เซลล์แขวนลอย (Suspension Cells) ซึ่งเป็นเซลล์
เดี่ยวๆ (Single Cell)หรือกลุ่มของเซลล์ที่มีขนาดเล็ก (Aggregate Cells) ที่ถูก
เพาะเลี้ยงในอาหารเหลวบนเครื่องหมุนเหวี่ยงอาหาร ทาให้เซลล์เหล่านั้นเกิดการแขวน
ลอยตัวในอาหาร, เซลล์โปรโตพลาสต์ หรือ โพรโทพลาสต์(Protoplast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ไม่
มีผนังเซลล์ (Cell Wall) โดยจะใช้เอนไซม์ในการย่อยผนังเซลล์ออกไปหรือใช้วิธีกลในการ
แยกเอาผนังเซลล์ออกมา เป็นต้น
59. ๐ การเลือกใช้ ส่วนที่ควบคุมการแสดงออกของยีน (Promoter), ยีนเครื่องหมายที่ใช้ในการ
คัดเลือกเซลล์หรือกลุ่มเซลล์หรือเนื้อเยื่อ ของพืชที่มีการแทรกยีน(Gene)เข้าในจีโนม
(Genome)หรือดีเอ็นเอ(DNA)แล้ว (Selectable Marker Gene) หรือ ยีนรายงานผลของ
การถ่ายฝากยีน (ReporterGene) ที่มีประสิทธิภาพสูง และโดยเลือกใช้ให้เหมาะสมกับ
ชนิดของเซลล์หรือกลุ่มเซลล์หรือเนื้อเยื่อ ของพืชที่นามาทาการถ่ายฝากยีน
๐ การจัดการระบบให้ใช้ระยะเวลาที่สั้นที่สุดของเซลล์หรือกลุ่มเซลล์หรือเนื้อเยื่อของพืช
เป้าหมายที่นามาถ่ายฝากยีน ในการเพาะเลี้ยง การคัดเลือก และการพัฒนาเป็นต้น เพื่อให้
ลักษณะทางพันธุกรรมที่ไม่ต้องการซึ่งเกิดจากขั้นตอนการเพาะเลี้ยง(Somaclonal
Variation) ลดลง
61. ๐ ประโยชน์ทางด้านการเกษตร
- ทาให้เกิดพืชที่ให้ผลผลิตมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ผลมีขนาดใหญ่ขึ้น (เช่น มะเขือเทศมีผลขนาด
ใหญ่ขึ้น), ผลมีปริมาณมากขึ้น (เช่น ปริมาณเมล็ดข้าวต่อต้นมากขึ้น), ผลมีน้าหนักมากขึ้น (เช่น
มะละกอที่มีน้าหนักมากกว่ามะละกอปกติทั่วไป)
- ทาให้เกิดพืชที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม โดย ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่เอื้ออานวย
ต่อการเพาะปลูกหรือเจริญเติบโตของพืช ตัวอย่างเช่นพืชที่ทนแล้ง (เช่น ข้าวทนแล้ง), พืชที่ทน
ต่อดินเค็ม (เช่น ข้าวทนดินเค็ม), พืชที่ทนต่อดินเปรี้ยว เป็นต้น
- ทาให้เกิดพืชที่ทนต่อศัตรูพืช เช่น พืชที่ทนต่อเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคพืช พืชที่ทนต่อเชื้อราที่
ก่อให้เกิดโรคพืช พืชที่ทนต่อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคพืช ทนต่อแมลงศัตรูพืช หรือแม้แต่ทนต่อ
ยาฆ่าแมลง และทนต่อยาปราบวัชพืช
63. ๐ ประโยชน์ต่อผู้บริโภค
- ทาให้เกิดพืช ผัก ผลไม้มีคุณค่าทางโภชนาการเพิ่มมากขึ้น เช่น ทาให้มะเขือเทศมีวิตามินอี
มากขึ้น ทาให้ส้มหรือมะนาวที่มีวิตามินซีเพิ่มมากขึ้น ทาให้กล้วยมีวิตามินเอเพิ่มขึ้น เป็นต้น
- ทาให้ลดการขาดแคลนอาหารได้ เนื่องจากการปรับปรุงพันธุ์ให้มีผลผลิตและความต้านทาน
ต่างๆมากขึ้น ทาให้มีผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น ตอบสนองต่อความต้องอาหารที่เพิ่มมากขึ้น
65. ๐ ประโยชน์ต่อด้านการอุตสาหกรรม
- หากทาพืช GMOs ให้สามารถลดการใช้สารเคมีและ
ช่วยให้มีผลผลิตมากขึ้นกว่าเดิม ทาให้ต้นทุนการผลิต
ลดต่าลงและเวลาที่ใช้ก็ลดลงด้วย วัตถุดิบที่ได้มาจาก
ภาคการเกษตร เช่น ซังข้าวโพด แกลบ กากถั่วเหลือง
อาหารสัตว์จึงมีราคาถูกลง
- มี GMOs หลายชนิดที่ไม่ใช่พืช ที่ใช้กันอยู่ใน
อุตสาหกรรมอาหาร เช่น เอนไซม์ที่ใช้ในการผลิตน้าผัก
ผลไม้หรือ เอนไซม์ไคโมซิน (Chymosin)ที่ใช้ในการ
ผลิตเนยแข็งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก GMOs และทามา
เป็นเวลานานแล้ว ทาให้ลดทั้งต้นทุนการผลิตและเวลา
ที่ต้องใช้ลง
66. ๐ ประโยชน์ต่อด้านการแพทย์
- การผลิตวัคซีน หรือยาชนิดต่างๆ ในอุตสาหกรรมยาปัจจุบันนี้ล้วนแล้วแต่ใช้ GMOs ช่วยแทบ
ทั้งสิ้น อีกไม่นานนี้ เราอาจมีน้านมวัวที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนหรือตัวยาที่จาเป็นต่อมนุษย์
- ช่วยลดการขาดแคลนยาหรือวัคซีนได้มากขึ้น เพราะ GMOs สามารถช่วยเพิ่มการผลิตสิ่ง
เหล่านี้ให้เพิ่มขึ้นได้
67. ๐ ประโยชน์ต่อด้านสิ่งแวดล้อม
- หากทาพืช GMOs ให้สามารถป้องกันศัตรูพืชได้เอง จานวนการใช้สารเคมีชนิดต่างๆเพื่อการ
ปราบศัตรูพืชก็จะลดน้อยลงจนอาจถึงไม่ต้องใช้เลยก็ได้ทาให้มลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจาก
สารเคมีลดลง
- ก่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพมากขึ้น เนื่องจากยีนที่มีการแสดงออกที่มีประโยชน์ถูก
เลือกให้รับโอกาสในการแสดงออกในสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดมากขึ้น
70. จีเอ็มโอ(GMOs)อาจเป็นพาหะของสารที่เป็นอันตรายได้ อย่างในการทดลองของ Dr.Pusztai ได้
ทาการทดลองให้หนูกินมันฝรั่งดิบที่มีสารเลคติน(lectin)เจือปนอยู่ แล้วผลออกมาว่าหนูมี
ภูมิคุ้มกันลดลง รวมถึงลาไส้ของหนูมีลักษณะบวมอย่างผิดปกตินักวิทยาศาสตร์จานวนมาก
วิจารณ์การทดลองนี้ว่า มีความบกพร่องในการออกแบบการทดลองรวมถึงในวิธีการทดลอง ซึ่ง
เชื่อว่าต่อไปจะมีการทดลองที่รัดกุมมากขึ้น และมีคนกังวลว่า ดีเอ็นเอ (DNA) จากไวรัสที่ใช้ใน
การทาจีเอ็มโอ(GMOs) อาจเป็นอันตรายได้
77. GMOs ย่อมาจากคาว่า Genetically Modified Organisms ส่วน GMO ย่อมาจาก
คาว่า Genetically Modified Organism ซึ่งคือ GMOs เป็นรูปพหูพจน์ของ GMO โดยที่ GMO
เป็นรูปเอกพจน์ หมายความว่าตัว s ที่ตามหลังคาว่า GMO ทาให้ GMOs เป็นรูปพหูพจน์ดังนั้น
ความแตกต่างระหว่าง GMOs และ GMO คือ คาว่า GMO กล่าวถึงสิ่งมีชีวิตที่ถูกดัดแปลงทาง
พันธุกรรมเพียงตัวเดียวหรือเพียงต้นเดียว ส่วน GMOs กล่าวถึงสิ่งมีชีวิตที่ถูกดัดแปลงทาง
พันธุกรรมที่มากกว่า 1 ตัวหรือ 1 ต้น ขึ้นไป
79. จุลินทรีย์ดัดแปลงพันธุกรรม (Genetically Modified Microorganism, GMM) คือ
จุลินทรีย์(Microorganism)ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมจากกระบวนการทาง พันธุวิศวกรรม
(Genetic Engineering)ให้มีความแตกต่างไปจากพันธุกรรมเดิม โดยที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เอง
ตามธรรมชาติเพื่อจะให้มีคุณลักษณะที่เป็นประโยชน์ตามที่ต้องการ เช่น เพื่อให้ผลิตเอนไซม์
บางอย่างในปริมาณมากๆ
83. โดยทาง United Nations Convention on Biological Diversity
ได้ให้นิยามของเทคโนโลยีชีวภาพ ไว้ว่า
“Any technological application that uses biological systems,
living organisms, or derivatives thereof, to make or modify
products or processes for specific use.”
“การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่างๆมาใช้กับ ระบบทางชีวภาพ หรือ สิ่งมีชีวิต
หรือ สิ่งที่ได้จากระบบทางชีวภาพและสิ่งมีชีวิต เพื่อที่ทาการสร้างหรือปรับปรุง
แก้ไข ผลิตภัณฑ์ หรือ กระบวนการ เพื่อนามาใช้ประโยชน์ในเรื่องเฉพาะด้าน”
90. เป็นผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีชีวภาพที่ทาจากนม
ชนิดต่างๆ เช่น นมสด นมพร่องมันเนย หรือ
นมถั่วเหลือง โดยการหมักนมร่วมกับแบคทีเรีย
พวก แลคโตบาซิลัส เอซิโดซิส และ สเตรปโต
คอคคัส เทอร์โมฟิลลัส แบคทีเรียพวกนี้จะช่วย
ย่อยน้าตาลแลคโตสที่อยู่ในนมให้กลายเป็นกรด
แลคติค ทาให้เกิดภาวะกรดและมีรสเปรี้ยว จะทา
ได้ 2 แบบ คือ นมเปรี้ยว ที่มีลักษณะเป็นน้า
คล้ายเครื่องดื่ม อีกชนิดหนึ่ง คือ โยเกิร์ต
ที่มีลักษณะเป็นของเหลวข้น
o นมเปรี้ยวและโยเกิร์ต
108. เด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertilization, IVF) คือ
เทคโนโลยีที่ช่วยในการปฎิสนธิระหว่างไข่และสเปิร์มที่ภายนอกร่างกาย เพื่อเป็นการแก้ไข
ปัญหาภาวะการมีบุตรยาก ด้วยการนาไข่ออกมาจากร่างกายของฝ่ายผู้หญิงและนาเอาสเปิร์ม
ของฝ่ายผู้ชาย มาทาการปฏิสนธิกันภายในภาชนะบรรจุของเหลว เสร็จแล้วจึงนาไข่ที่มีการ
ปฏิสนธิแล้ว หรือ ตัวอ่อนเอ็มบริโอใส่เข้าไปยังมดลูกของฝ่ายผู้หญิง เพื่อทาให้การตั้งครรภ์
นั้นสมบูรณ์ คาว่า “เด็กหลอดแก้ว” มาจากการที่ขั้นตอนในการทาให้เกิดเด็กมีการปฎิสนธิ
แบบ “In Vitro” ที่เป็นภาษาละติน แปลว่า “ภายนอกสิ่งมีชีวิต” ซึ่งIn Vitroโดยทั่วไป
มักจะทากันในหลอดทดลองและหลอดทดลองจะทามาจากแก้ว จึงได้เรียกหลอดทดลองว่า
หลอดแก้ว และเป็นเหตุให้เรียกเด็กที่เกิดจากขั้นตอนเหล่านี้ว่า “เด็กหลอดแก้ว”
109. ปัจจัยในการเลือกทาเด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertilization, IVF)
โดยจะพิจารณาจากปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะมีบุตรยากในคู่สมรสได้แก่
- ฝ่ายผู้หญิงมีปัญหาเกี่ยวกับระบบท่อนาไข่ผิดปกติ
- ฝ่ายผู้ชายมีปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพเชื้ออสุจิหรือเชื้ออสุจิผิดปกติ
- ฝ่ายผู้หญิงมีปัญหาเกี่ยวกับภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ระบบฮอร์โมนรังไข่ผิดปกติ
- ผ่านการทาผสมเทียมมาแล้วแต่ไม่สาเร็จ
- มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- มีความจาเป็นต้องใช้ไข่ที่ได้รับการบริจาคจากผู้อื่น
- การตรวจโรคทางพันธุกรรมของบุตรก่อนเกิดโดยมีการตรวจก่อนที่จะมีการถ่ายฝากตัวอ่อนเข้าสู่
มดลูก ด้วยวิธีการ Embryo Biopsy
- การมีภาวะที่ไม่ทราบสาเหตุของการมีบุตรยาก โดยที่คู่สมรสมีความพยายามมามากกว่า3ปี
110. ขั้นตอนการทาเด็กหลอดแก้ว
1.เตรียมความพร้อมของคู่สมรส โดยการ
- สรุปประวัติการรักษา - ตรวจร่างกาย - ตรวจระบบฮอร์โมนรังไข่
- ตรวจอัลตราซาวด์มดลูกและรังไข่ - ตรวจความแข็งแรงของเชื้ออสุจิ
2.วางแผนและทาความเข้าใจร่วมกันระหว่างแพทย์และคู่สมรส
3.ทาการกระตุ้นรังไข่เพื่อให้มีการตกไข่และทาให้ไข่สุกในรังไข่
4.ตรวจการเปลี่ยนแปลงของไข่ด้วยการอัลตราซาวนด์
5.เก็บไข่ออกจากร่างกายฝ่ายหญิงพร้อมกับการเก็บเชื้ออสุจิจากฝ่ายชาย
6.นาไข่ไปปฏิสนธิกับสเปิร์ม
7.เพาะเลี้ยงตัวอ่อนในน้ายาเลี้ยงให้เติบโตและแข็งแรงภายในห้องปฏิบัติการ
8.ถ่ายฝากตัวอ่อนเพื่อฝังตัวในโพรงมดลูก
9.ตรวจติดตามระดับฮอร์โมนของฝ่ายหญิงในระหว่างการฝังตัวของตัวอ่อนหรือการตั้งครรภ์