Contenu connexe Similaire à ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล Similaire à ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (20) Plus de Nawanan Theera-Ampornpunt Plus de Nawanan Theera-Ampornpunt (20) ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล1. ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล
นพ.นวนรรน ธีระอัมพรพันธุ์
ฝ่ายเวชสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี
6 มีนาคม 2556
http://www.slideshare.net/nawanan
2. แนะนําตัว
2003 M.D. (Ramathibodi)
2009 M.S. in Health Informatics (U of MN)
2011 Ph.D. in Health Informatics (U of MN)
รักษาการแทนรองหัวหน้าฝ่ายเวชสารสนเทศ
คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
nawanan.the@mahidol.ac.th
หัวข้อวิจัยที่สนใจ
• การนํา Health IT มาใช้ในรูปแบบต่างๆ ในโรงพยาบาล
• ปริมาณการใช้ Health IT (“Health IT adoption”)
• การเรียนการสอนด้านเวชสารสนเทศ
4. ระบบสารสนเทศ
• Information System
– ระบบที่มีการนําเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) มาใช้
เพื่อสนับสนุนกระบวนการทํางานบางอย่างของมนุษย์
– ใช้เทคโนโลยีเป็น เครื่องมือ เพื่อให้ข้อมูล (Deliver information) และ
สนับสนุนกระบวนการทํางาน (business processes) ให้กับ ผู้ใช้งาน
(users) ในการทํางานหนึ่งๆ
– เช่น ระบบการฝาก-ถอนเงินผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร ระบบการลงทะเบียน
เรียนผ่านเว็บ ระบบ e-learning ระบบจองตั๋วเครื่องบิน ระบบแสดงตาราง
เที่ยวบิน เป็นต้น
5. ทําไมต้องมีระบบสารสนเทศ
• เชื่อมโยงข้อมูลจากหลายสถานที่
• การประมวลผลที่รวดเร็ว
• การทํางานร่วมกันหลายคน
• ลดโอกาสผิดพลาด หรือความไม่สม่ําเสมอของคุณภาพงาน
Image Source: http://en.wikipedia.org/wiki/Logistics_automation
6. องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
โครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ (IT Infrastructure) - ระบบปฏิบัติการ (Operating
System) เช่น Windows XP
- อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ทั้งเครื่อง - โปรแกรมช่วยสนับสนุนการ
แม่ข่าย (Servers) และเครื่องลูก ทํางาน (System Utilities) เช่น
ข่าย (Clients)
Hardware Software Antivirus
- ระบบเครือข่าย (Network) - โปรแกรมประยุกต์
(Applications) เช่น Microsoft
Word หรือ Hospital
- ผู้ใช้งาน Information System
Peopleware Data
- ข้อมูลที่เก็บในระบบ
11. หลากหลายรูปแบบของ Health IT
Hospital Information System (HIS) Computerized Provider Order Entry (CPOE)
Electronic
Health
Records Picture Archiving and
(EHRs) Communication System
(PACS)
12. Still Many Other Forms of Health IT
Health Information
Exchange (HIE)
m-Health
Biosurveillance
Personal Health Records
(PHRs)
Telemedicine &
Information Retrieval Telehealth
Images from Apple Inc., Geekzone.co.nz, Google, PubMed.gov, and American Telecare, I
13. ระบบสารสนเทศที่ใช้ในโรงพยาบาล
จําแนกตามลักษณะงาน
• ระบบงานบริการผู้ป่วย (Front Office)
• ระบบงานบริหารจัดการ ที่ไม่เกี่ยวกับงานบริการ (Back Office)
14. Front Office
• ระบบงานบริการผู้ป่วย (Front Office)
– ระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Medical Records
หรือ Electronic Health Records)
– ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (Hospital Information System)
หรือระบบสารสนเทศทางคลินิก (Clinical Information System)
– ระบบงานย่อยๆ ของหน่วยบริการภายในโรงพยาบาล
15. Back Office
• ระบบงานบริหารจัดการ ที่ไม่เกี่ยวกับงานบริการ (Back Office)
– ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (Management Information Systems
หรือ MIS)
– ระบบบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning
หรือ ERP)
– ระบบสารสนเทศการวิจัยและการศึกษา
– เว็บไซต์ และอินทราเน็ตภายในองค์กร
– ระบบงานสารบรรณ (การเวียนเอกสาร)
16. ระบบสารสนเทศในโรงพยาบาล
จําแนกตามหน่วยงานที่ใช้
ใช้ทั่วทั้งองค์กร หรือหลายหน่วยงาน (Enterprise-wide Systems)
• MPI, ADT
• EHRs/EMRs/HIS/CIS
• CPOE & CDSS
• PACS
• Nursing applications
• MIS, ERP
17. ระบบสารสนเทศในโรงพยาบาล
จําแนกตามหน่วยงานที่ใช้
ใช้เฉพาะบางหน่วยงาน (Departmental Systems)
• ระบบงานห้องยา (Pharmacy applications)
• LIS, RIS
• ระบบเฉพาะทาง (Specialized applications) เช่น ระบบงาน ER,
OR, LR, Anesthesia, Critical Care, Blood Bank
• E-Learning
18. Hospital Information System
Clinical
Medical ADT Notes
Records
Workflow
Pharmacy IS
Operation Master
Patient LIS
Theatre
Index (MPI)
Order
CCIS
RIS
Scheduling
Portals Billing
PACS
อ้างอิงจากสไลด์ของ รศ.นพ.อาทิตย์ อังกานนท์
20. Master Patient Index (MPI)
• ระบบทะเบียนผู้ป่วย
• Functions
– การลงทะเบียน (Registration) และระบุตัวตน (identification)
ของผู้ป่วย โดยใช้เลขประจําตัวผู้ป่วย (HN)
– การบันทึกและแก้ไขข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วย (patient
demographics)
– ระบบอื่นๆ ในโรงพยาบาลมักใช้ข้อมูลจากระบบนี้เพื่อระบุตัวตน
หรือสอบถามข้อมูลเกียวกับตัวผู้ป่วย
่
21. Admission-Discharge-Transfer (ADT)
• ระบบงานรับผู้ป่วยใน จําหน่าย และย้าย/ส่งต่อผู้ป่วย
• Functions
– สนับสนุน Admission, Discharge และ Transfer ผู้ป่วย
(เรียกกระบวนการ ADT ว่า “patient management”)
– ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของผู้ป่วยว่า admit อยู่หรือไม่ รวมทั้งหอ
ผู้ป่วยที่ admit
– ให้ขอมูลที่ใช้ในการคํานวณอัตราครองเตียง (bed occupancy)
้
– เชื่อมโยงกับระบบการเงิน และการส่งข้อมูลเพื่อเบิกจ่ายค่า
รักษาพยาบาล
23. ระบบตรวจสอบสิทธิค่ารักษาพยาบาล
(Insurance Eligibility System)
• Functions
– ตรวจสอบว่าผู้ป่วยมีสิทธิคารักษาพยาบาลอะไรบ้าง เช่น สิทธิ
่
ประกันสุขภาพ (30 บาท), สิทธิประกันสังคม, สิทธิขาราชการ
้
เป็นต้น หรือไม่มีสิทธิใดๆ (เงินสด)
– ตรวจสอบว่าสิทธิค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วย ครอบคลุมการ
บริการที่ผู้ป่วยจะได้รับหรือไม่ (coverage) เพื่อคํานวณค่าใช้จ่าย
– อาจต้องเชื่อมโยงกับระบบตรวจสอบสิทธิค่ารักษาพยาบาลของ
หน่วยงานต่างๆ เช่น สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
สํานักงานประกันสังคม กรมบัญชีกลาง
24. ระบบนัดหมายผู้ป่วย
(Appointment Scheduling)
• Functions
– บันทึกข้อมูลการนัดหมายของผู้ป่วย
– กําหนดจํานวนผู้ป่วยที่สามารถนัดได้ต่อแพทย์หรือต่อหน่วยตรวจ
– สนับสนุนการเลื่อนนัดหรือยกเลิกนัด
– แสดงรายชื่อผู้ป่วยที่นัดหมายในวันหนึ่งๆ ของแต่ละหน่วยตรวจได้
– สามารถปรับจํานวนผู้ป่วยที่สามารถนัดได้ หรือกําหนดวันหยุดที่
ห้ามนัดได้
25. ระบบงานพยาบาล (Nursing Applications)
Functions (บางส่วน)
• บันทึก nursing assessments, interventions และ nursing
outcomes
• ช่วยสนับสนุนการลง charting และ vital sign recording
• อาจใช้มาตรฐานข้อมูลทาง nursing informatics
• ช่วยในการบันทึกแผนการรักษา (care-planning)
• สนับสนุนการสื่อสารภายในทีมและระหว่างเวร เช่น ระบบ e-Kardex
• บันทึกเหตุการณ์ความเสี่ยง (incidents) ต่างๆ
26. ระบบงานห้องยา (Pharmacy Applications)
Functions
• สนับสนุนกระบวนการทํางาน (workflow) ตั้งแต่การสั่งยา
(medication orders/prescription) ไปจนถึงการจ่ายยา
(dispensing) และการคิดราคายา
• ลดความผิดพลาดทางยา (medication errors) และช่วยส่งเสริม
ความปลอดภัยทางยา (medication safety)
• ช่วยสนับสนุนการบริหารจัดการคลังยา (drug inventory
management)
27. Laboratory Information System (LIS)
Functions
• รับข้อมูลและประมวลผล Lab orders ที่มีการสั่งมา
• การ match tube และ specimen กับผู้ป่วย ในระบบ
• กระบวนการภายในห้อง Lab
– การประมวลผล Order (Order processing)
– การลงทะเบียนรับ specimen (Specimen registration & processing)
– การตรวจสอบผลและรายงานผล Lab (Lab results validation &
reporting)
– การเก็บ Specimen ไว้ในคลัง (Specimen inventory)
28. ระบบภาพทางการแพทย์ (Imaging Applications):
ระบบแสดงภาพ (PACS)
Picture Archiving and Communication System (PACS)
• รับภาพ x-ray จากเครื่อง x-ray modalities ต่างๆ และบันทึกเข้าสู่ระบบ
• การแสดงภาพ x-ray ให้บุคลากรทางการแพทย์อ่าน
• ส่วนใหญ่ใช้กับภาพ x-ray เป็นหลัก แต่อาจใช้ในสาขาเฉพาะทางอื่นๆ ได้ เช่น
โรคหัวใจ ส่องกล้อง พยาธิวทยา และจักษุวิทยา เป็นต้น
ิ
• ข้อดี: ประหยัดพื้นที่เก็บฟิล์ม x-ray, ค่าพิมพ์ฟิล์ม ป้องกันการทําฟิล์ม x-ray
สูญหาย สามารถดูภาพพร้อมกันหลายคนได้ ดูภาพจากทางไกล (เช่น ที่บ้าน)
ได้ รวมทั้งคุณสมบัติในการคํานวณและประมวลผลภาพด้วยคอมพิวเตอร์
(image processing & manipulation)
29. ระบบภาพทางการแพทย์ (Imaging Applications):
ระบบสารสนเทศทางรังสีวิทยา
Radiology Information System (RIS) หรือ Workflow
Management
• สนับสนุนกระบวนการทํางาน (workflow) ภายในหน่วยงานรังสี
วิทยา (radiology department) ตั้งแต่การลงทะเบียนผู้ป่วย
(patient registration) การนัดหมายเอกซเรย์ (appointments &
scheduling) การส่งปรึกษา (consultations) การพิมพ์รายงานการ
อ่านภาพเอกซเรย์ (imaging reports) เป็นต้น
30. ระบบงานการเงิน (Billing System)
• Functions
– คํานวณค่าบริการสําหรับการให้บริการที่ผู้ป่วยได้รับ
– คํานวณค่าใช้จ่ายที่ต้องเรียกเก็บตามสิทธิค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วย
(insurance eligibility) และความครอบคลุมการบริการต่างๆ (coverage)
– บันทึกจํานวนเงินที่ผู้ป่วยชําระและยอดคงเหลือ เพื่อการติดตามทวง
ค่าใช้จ่ายในอนาคต
– ส่งข้อมูลยอดเงินที่ได้รับไปยังระบบบัญชีหรือระบบ Back Office เพื่อ
บันทึกรายได้ของโรงพยาบาล และเพื่อการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่
เหลืออยู่จากกองทุนต่างๆ (reimbursement claims to government
agencies)
31. Enterprise Resource Planning
• ระบบบริหารทรัพยากรขององค์กร
• Some Functions
– การคลัง (Finance)
• บัญชี (Accounting)
• งบประมาณ (Budgeting)
• การวิเคราะห์ต้นทุน (Cost control and management)
32. Enterprise Resource Planning
• Some Functions (ต่อ)
– การพัสดุ (Materials Management)
• การจัดซื้อจัดจ้าง (Procurement)
• การบริหารคลังพัสดุ (Inventory management)
– การบริหารทรัพยากรบุคคล (Human Resources)
• การคัดเลือกและบรรจุ (Recruitment) การประเมิน (evaluation) การเลื่อนขั้น
(promotion) และการลงโทษทางวินัย (disciplinary actions) บุคลากร
• การอบรมและพัฒนาศักยภาพบุคลากร (Human resource development
and training)
• การจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทน (Payroll) และสิทธิประโยชน์ของบุคลากร
36. Class Discussion #1
• ทําไมเราจึงต้องมีเวชระเบียนผู้ป่วย?
• กล่าวคือ ทําไมเราจึงต้องมีการบันทึกประวัตผู้ป่วยและการให้
ิ
การรักษาของบุคลากรทางการแพทย์?
37. การใช้ประโยชน์จากเวชระเบียน
• เพื่อความต่อเนื่องในการดูแลรักษา (Continuity of Care)
– บันทึกข้อมูลสําคัญสําหรับการดูแลรักษาในอนาคต
– สําคัญมากสําหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (chronic diseases) เช่น เบาหวาน
ความดันโลหิตสูง หรือกรณีนัดตรวจติดตามผล (follow-up) เช่น หลัง
ผ่าตัด
• เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย
– ป้องกันอันตรายที่ผู้ป่วยอาจได้รับเพราะไม่ทราบประวัติผู้ปวย
่
– เช่น ประวัติแพ้ยา (drug allergies), list of current medications,
problem list
38. การใช้ประโยชน์จากเวชระเบียน
• เพื่อการสื่อสารระหว่างบุคลากรทางการแพทย์ด้วยกัน
– ส่งต่อผู้ป่วยไปยังแพทย์เฉพาะทางหรือบุคลากรทางการแพทย์คนอื่น
– การส่งปรึกษา (Consultation) ระหว่างแพทย์
– การสื่อสารระหว่างแพทย์กบพยาบาล เภสัชกร นักกายภาพบําบัด เป็นต้น
ั
– ส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลหนึ่งไปโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง
• เพื่อประโยชน์ทางกฎหมาย (Medico-legal purposes)
– เป็นหลักฐานในศาล กรณีมีการฟ้องร้อง
– บันทึกสิ่งที่ได้ทําหรือให้การรักษากับผูป่วย เหตุผลในสิ่งทีทา ทําโดยใคร เมื่อใด
้ ่ ํ
– ให้ข้อมูลเพื่อตอบคําถามว่า การดูแลรักษา ได้มาตรฐานวิชาชีพหรือไม่
39. การใช้ประโยชน์จากเวชระเบียน
• เพื่อการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล (Claims & Reimbursements)
– ได้ให้บริการอะไรให้กับผู้ป่วย
– โรงพยาบาลจะได้รับค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนเท่าใดและอย่างไร
– การตรวจสอบ (Audit) เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการขอเบิกจ่ายค่า
รักษาพยาบาล
• เพื่อการใช้ประโยชน์ของผู้ป่วยเอง
– เพื่อการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากบริษทประกันของผู้ป่วย
ั
– เพื่อการเรียนรู้ของตนเอง หรือการดูแลตนเอง
• เพื่อการวิจัย
– เพื่อค้นหาความรู้ใหม่จากประวัติการรักษาผูป่วย ผ่านการทําวิจัย
้
40. เวชระเบียน “อิเล็กทรอนิกส์”
“Electronic” Medical Records
• Electronic Medical Records (EMRs) vs.
Electronic Health Records (EHRs)
• ความหมายเหมือนหรือต่างกัน แล้วแต่มุมมอง
• สรุป
– นิยามของ 2 คํานี้ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน
– ในไทย มักใช้ EMRs แต่มีความหมายเหมือนกันกับ EHRs
– อาจรวมทั้งเวชระเบียนสแกน (Scanned Medical Records) และข้อมูลที่ป้อนเข้าสู่
คอมพิวเตอร์โดยตรง
42. Class Exercise #2
• ระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ มี
ประโยชน์อย่างไรเมื่อเทียบกับเอกสาร
เวชระเบียนในกระดาษ?
45. ทําไมเราจึงจําเป็นต้องใช้ Health IT?
• Health care ซับซ้อน และขาดประสิทธิภาพ
• Health care มี information อยู่ทกหนทุกแห่ง
ุ
• คุณภาพการรักษาขึ้นอยู่กบคุณภาพของข้อมูลผู้ปวยและการมีข้อมูลที่
ั ่
เข้าถึงได้อย่างทันท่วงที
• องค์ความรู้ทางคลินิกมีขนาดใหญ่มาก
• Practice guidelines ถูกวาง “ขึ้นหิ้ง”
• “To err is human”
46. To Err Is Human
• การขาดสมาธิ (Lack of Attention)
Image Source: aafp.org
47. ประโยชน์ของการใช้เวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์
(EHRs)
• ข้อมูลที่เข้าถึงได้ทกที่ (anytime, anywhere, everyone ที่มีสิทธิเข้าถึง)
ุ
• เข้าถึงข้อมูลพร้อมกันได้หลายคน
• หมดยุคของ “เล่มเวชระเบียนผูป่วยหายไปไหน!!!!!”
้
• สามารถควบคุมผู้มีสทธิเข้าถึงข้อมูลได้ดีกว่าการเข้าถึงเล่มเวชระเบียน
ิ
• สามารถบังคับให้บันทึกข้อมูลให้ละเอียด ครบถ้วน ได้มาตรฐานได้
• ความสามารถในการแสดงผลข้อมูลทีเข้าใจง่าย เช่น กราฟ
่
• การป้อนข้อมูลเข้าที่รวดเร็วขึ้น (แต่บางครั้งก็อาจช้าลงได้เหมือนกัน)
• การปรับปรุงกระบวนการทํางาน หรือ workflow เรียกว่า Process improvement หรือ
business process reengineering/redesign
• ไม่มีลายมือแพทย์!!!!!
48. คุณสมบัติที่มีความสําคัญและควรมีใน HIS
• ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับผูป่วย (Patient Demographics)
้
• บันทึกประวัติการรักษาของแพทย์ (Physician Notes)
• การสั่งยาผ่านคอมพิวเตอร์ (Computerized Medication Order Entry)
• การสั่ง Lab ผ่านคอมพิวเตอร์ (Computerized Laboratory Order Entry)
• การดูผล Lab ผ่านคอมพิวเตอร์ (Computerized Laboratory Results)
• การบันทึก Problem Lists
• การบันทึก Medication Lists
• การสรุป Discharge Summaries
• การดูผลการทํา Diagnostic Test ต่างๆ ผ่านคอมพิวเตอร์
• การดูผล X-ray ผ่านคอมพิวเตอร์ (Radiologic Reports)
49. Computerized Physician Order Entry
(CPOE)
Functions
• แพทย์สั่ง medication/lab/diagnostic/imaging orders ผ่านคอมพิวเตอร์
• พยาบาลและเภสัชกร ตรวจสอบความเหมาะสมของ orders และรับไปดําเนินการ
• มักถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบ EHRs หรือ HIS
ประโยชน์
• ไม่มีลายมือแพทย์ใน Order!!!
• สามารถกําหนดให้ป้อนข้อมูลให้ครบถ้วนได้ (เช่น dose, unit, route, frequency ในการสั่งยา) ลด
โอกาสผิดพลาด
• ไม่มีกระบวนการคัดลอก order (transcription) ลดโอกาสผิดพลาด
• สามารถนําระบบช่วยสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิก (CDSS) มาช่วยได้ (เช่น ตรวจสอบการแพ้ยา หรือ
drug interactions)
• ช่วยให้กระบวนการจากการสั่ง order ไปจนถึงสิ้นสุดกระบวนการ รวดเร็ว มีการประสานงานร่วมกัน
51. กระบวนการทางยา (Stages of Medication Process)
Ordering Transcription Dispensing Administration
Automatic Electronic
CPOE
Medication Medication
Dispensing Administration
Records
(e-MAR)
Barcoded
Medication Barcoded
Dispensing Medication
Administration
52. Clinical Decision Support Systems
(CDSS)
• ระบบสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิก (สนับสนุน Clinical Decision Making)
• CDSS มีหลากหลายรูปแบบ
– Expert systems (ทําหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ตอบคําถามหรือให้ข้อมูลที่ต้องการ)
• ใช้ artificial intelligence, machine learning, ตรรกะ หรือวิธีการทางสถิติ
• ตัวอย่าง: ระบบที่ช่วยให้ differential diagnoses หรือแนะนําแนวทางการรักษา
– Alerts & reminders (การเตือนให้ทําหรือไม่ทําสิ่งใดสิ่งหนึ่ง)
• อาศัยเงื่อนไขตามที่ได้รับการออกแบบ
• ตัวอย่าง: drug-allergy checks, drug-drug interaction checks, drug-lab interaction
checks, reminders for preventive services or certain actions (e.g. smoking
cessation), clinical practice guideline integration
– ฐานข้อมูลความรู้ต่างๆ เช่น ฐานข้อมูลยา (drug database)
– ระบบง่ายๆ ที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ เช่น การ highlight ผล lab ที่ผิดปกติ เป็นต้น
54. Clinical Decision Support Systems
(CDSSs)
PATIENT
Perception
CLINICIAN
Attention
Long Term Memory External Memory
Working
Memory
Knowledge Data Knowledge Data
Inference
From a teaching slide by Don Connelly, 2006 DECISION
55. Clinical Decision Support Systems
(CDSSs)
PATIENT
Perception
CLINICIAN
Abnormal lab
Attention highlights
Long Term Memory External Memory
Working
Memory
Knowledge Data Knowledge Data
Inference
DECISION
56. Clinical Decision Support Systems
(CDSSs)
PATIENT
Perception
CLINICIAN
Drug-Allergy
Attention Checks
Long Term Memory External Memory
Working
Memory
Knowledge Data Knowledge Data
Inference
DECISION
57. Clinical Decision Support Systems
(CDSSs)
PATIENT
Perception
CLINICIAN Drug-Drug
Interaction
Attention Checks
Long Term Memory External Memory
Working
Memory
Knowledge Data Knowledge Data
Inference
DECISION
58. Clinical Decision Support Systems
(CDSSs)
PATIENT
Perception
CLINICIAN
Attention
Long Term Memory External Memory
Working
Memory
Knowledge Data Knowledge Data
Inference Diagnostic/Treatment
Expert Systems
DECISION
60. ปัญหาจากการใช้ระบบ Clinical Decision
Support Systems (CDSS)
Issues
• ผลที่ไม่พึงประสงค์จากการใช้งาน (Unintended Consequences) เช่น ทาง
ลัด หรือ workarounds ที่ไม่ได้ถูกออกแบบมา
61. The Bigger Picture:
Health Information Exchange (HIE)
Government
Hospital A Hospital B
Clinic C
Lab Patient at Home
62. สรุป
• ในโรงพยาบาลมีระบบสารสนเทศหลายระบบ หลายรูปแบบ
• ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (HIS) มักหมายถึง “Front Office”
ที่เกี่ยวข้องกับการบริการผู้ป่วย ของระบบสารสนเทศต่างๆ ใน
โรงพยาบาล
• HIS และ EHRs ถูกใช้เพื่อสนับสนุนกระบวนการดูแลรักษาผู้ป่วย
สนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิก เพิ่มคุณภาพการรักษา และลด
ค่าใช้จ่าย
• HIS และ EHRs เป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบสารสนเทศที่ใช้ใน
ระบบสุขภาพในภาพรวม (ทั้งในและนอกโรงพยาบาล)