Contenu connexe
Similaire à โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
Similaire à โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ (20)
Plus de Cheeses 'Zee (20)
โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
- 1. แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2556
ชื่อโครงงาน สมุนไพรเพื่อสุขภาพ
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1. นายธนพงษ์ ไชยศรี เลขที่ 21 ชั้น ม.6 ห้อง 15
2. นางสาวเยาวลักษณ์ ทับปัญญา เลขที่ 33 ชั้น ม.6 ห้อง 15
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นายธนพงษ์ ไชยศรี เลขที่ 21 ชั้น ม.6 ห้อง 15
นางสาวเยาวลักษณ์ ทับปัญญา เลขที่ 33 ชั้น ม.6 ห้อง 15
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน สมุนไพรเพื่อสุขภาพ
ชื่อโครงงาน Herbs for Healthy
ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน - นายธนพงษ์ ไชยศรี
- นางสาวเยาวลักษณ์ ทับปัญญา
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน 4 สัปดาห์
- 3. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ในปัจจุบัน ผู้คนเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น หลายคนอาจจะรับประทานอาหารเสริม หรือ
อาจจะรับประทานยาต่างๆ จนบางทีไม่ได้นึกถึงผลที่ตามมา ว่าอาหารเสริมต่างๆนั้นดีต่อสุขภาพจริงหรือไม่ มีสาร
ตกค้างหรือเปล่า และมีสรรพคุณต่อร่างกายอย่างไรบ้าง โครงงานนี้จึงจัดทาขึ้นมาเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพร
ต่างๆ ที่ใกล้ตัว
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้ที่สนใจในเรื่องสุขภาพ โดยใช้สมุนไพรเป็นองค์ประกอบในการดูแลรักษาตัวเองในเรื่องของ
สุขภาพ และสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้
ขอบเขตโครงงาน
1.ผู้ที่สนใจสามารถสร้างบทเรียนใหม่ได้
2.ผู้ที่สนใจสามารถแก้ไขเนื้อหา บทเรียนที่ได้สร้างไว้แล้วได้
3.ผู้ที่สนใจสามารถสร้างข้อสอบได้ถูกต้องตามเนื้อหาที่ถูกต้อง
- 4. หลักการและทฤษฎี
จากที่อาการเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างปวดศีรษะ ปวดท้อง เจ็บคอ ไอ น้าร้อนลวก มดกัด ยุงกัด
ท้องเสีย ท้องอืด ฯลฯ หลายคนมักจะเลือกใช้ยาแผนปัจจุบัน โดยคิดว่าเป็นวิธีที่รวดเร็วทันใจดี แต่
ลองชะเง้อมองซิว่า รอบ ๆ บ้านมีพืชสมุนไพรไทยอะไรปลูกอยู่หรือเปล่า เพราะพืชสมุนไพรเหล่านี้
สามารถนามาใช้รักษาอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ได้ผลชะงัดนักแล แถมบางชนิดยังสามารถรักษา
โรคยอดฮิต อย่าง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็งได้ด้วย
- 5. ว่านหางจระเข้
ไม้ล้มลุกใบใหญ่หนาที่ทุกคนรู้จักกันดี แม้ถิ่นกาเนิดจะอยู่ไกลถึงฝั่งเมดิเตอร์เรเดียน และ
แอฟริกา แต่ในประเทศไทยก็มีการปลูกว่านหางจระเข้อย่างแพร่หลาย ซึ่งในตารับยาไทยก็ใช้ว่านหาง
จระเข้บาบัดอาการต่าง ๆ ได้มากมาย จนเป็นที่รู้จักว่า เป็นพืชอัศจรรย์ที่มีสรรพคุณสารพัดประโยชน์
โดย "วุ้นในใบสด" สามารถนามาบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ แต่สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุกคน
น่าจะรู้จักก็คือ นามาพอกแผลน้าร้อนลวก ไฟไหม้ แก้ปวดแสบปวดร้อน แผลเรื้อรัง รักษาผิวที่ถูกแดด
เผา แผลในกระเพาะอาหาร และช่วยถอนพิษได้ เพราะว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยสมานแผล แต่มี
ข้อแนะนาว่า ก่อนใช้ควรทดสอบดูก่อนว่าแพ้หรือไม่ โดยเอาวุ้นทาบริเวณท้องแขนด้านใน ถ้าผิวไม่คัน
หรือแดงก็ใช้ได้ นอกจากส่วนวุ้นในใบสดแล้ว ส่วน "ยางในใบ" ก็สามารถนามาทาเป็นยาระบายได้
และส่วน "เหง้า" ก็นาไปต้มน้ารับประทาน แก้โรคหนองในได้ด้วย
- 6. ขมิ้นชัน
เรียกกันทั่วไปว่า "ขมิ้น" เป็นไม้ล้มลุกมีสีเหลืองอมส้ม มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีกลิ่นหอม คนนิยม
นา "เหง้า" ทั้งสดและแห้งมาใช้รักษาอาการที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร รวมทั้งแก้ท้องเสีย
ท้องร่วง จุกเสียดแน่นท้อง และสามารถนาขมิ้นชันมาทาภายนอก เพื่อใช้รักษาแผลเรื้อรัง แผล
สด โรคผิวหนัง พุพอง รักษาชันนะตุได้ด้วย
นอกจากนั้น "ขมิ้นชัน" ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูล
อิสระ "คูเคอร์มิน" ที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งตับ อีกทั้งยังสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนัง หรือใครที่มี
แผลอักเสบ "ขมิ้นชัน" ก็มีสรรพคุณช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เพราะมีฤทธิ์ไปลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อ
แบคทีเรียที่ทาให้เกิดหนอง และหากรับประทานขมิ้นชันทุกวัน ตามเวลาจะช่วยให้ความจาดีขึ้น
ไม่อ่อนเพลียยามตื่นนอน และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นด้วย
- 7. ทองพันชั่ง
เป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าไม่ต่างไปจากชื่อ "ทองพันชั่ง" หลายพื้นที่อาจเรียกว่า "ทองคันชั่ง" หรือ
"หญ้ามันไก่" เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ออกดอกสีขาว ส่วนที่ใช้ทายาคือ ใบและราก ที่หากนาปริมาณ
1 กามือมาต้มรับประทานเช้าเย็น จะช่วยดับพิษไข้ รักษาโรคผิวหนัง ริดสีดวงทวารหนัก แก้ไอ
เป็นเลือด ฆ่าพยาธิ นอกจากนั้น ยังสามารถนาใบและรากมาตาละเอียด เพื่อรักษาโรคกลาก เกลื้อน
ได้ด้วย
นอกจากสรรพคุณข้างต้นแล้ว มีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมพบว่า "ทองพันชั่ง" มีฤทธิ์ยับยั้ง
มะเร็งเยื่อบุช่องปาก มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูกได้ รวมทั้งช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิตสูง
แก้ผมร่วง รักษาโรคนิ่ว ฯลฯ แต่ข้อควรระวังคือ ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง โรคหัวใจ โรคหืด โรคความ
ดันโลหิตต่า โรคมะเร็งในเม็ดเลือด ไม่ควรรับประทาน
- 8. ใบกะเพรา
ใบกะเพรา มีฤทธิ์ขับลม ช่วยแก้จุดเสียด แน่นท้อง แก้ปวดท้องอุจจาระ ส่วนน้าสกัดทั้งต้น สามารถ
รักษาแผลในกระเพาะอาหาร สาหรับเมล็ดกะเพรา ก็สามารถพอกตาให้ผงหรือฝุนที่เข้าตาหลุด
่
ออกมาได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นแล้ว รากกะเพราแห้ง ๆ ยังนามาชงกับน้าร้อนดื่มแก้โรคธาตุพิการ
ได้ด้วย
และสรรพคุณเด็ดของกะเพราอีกประการก็คือ ช่วยขับไขมันและน้าตาล เคยสงสัยบ้างไหม
ล่ะ ทาไมอาหารตามสั่งต้องมีเมนูผัดกะเพราเนื้อ กะเพราไก่ กะเพราหมู นั่นก็เพราะนอกจากใบกะเพรา
จะช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้แล้ว ยังมีฤทธิ์ขับไขมัน และน้าตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย อีกทั้ง
กะเพราจะช่วยขับน้าดีในตับออกมาให้ช่วยย่อยไขมันได้ดีขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น หากบอกว่า รับประทาน
กะเพราแล้วจะช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ ก็คงไม่
ผิดนัก
- 9. กระชายดา
สมุนไพรแสนมหัศจรรย์ของท่านชาย เพราะสรรพคุณของกระชายดาที่ได้รับการกล่าวขานกันมาก
ก็คือ สรรพคุณเพิมพลังทางเพศ หรือแก้โรคกามตายด้าน เนื่องจากฤทธิ์ของกระชายดาจะไปบารุง
่
กาลัง เพิ่มฮอร์โมนให้หนุ่ม ๆ ทาให้สมรรถภาพทางเพศเพิ่มขึ้น
แต่ใช่ว่า กระชายดา จะมีประโยชน์แค่เรื่องเพิ่มพลังทางเพศเท่านั้นนะ เพราะกระชายดายัง
สรรพคุณมากมาย ทั้งบารุงหัวใจ บารุงกาลัง เป็นยาเจริญอาหาร และบารุงธาตุ แก้หัวใจสั่นหวิว แก้ลม
วิงเวียนแน่นหน้าอก แผลในปาก ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนดีขึ้น ผิวพรรณผ่องใส ขับปัสสาวะ แก้โรค
กระเพาะ ฯลฯ และด้วยสรรพคุณอันแสนมหัศจรรย์มากมายขนาดนี้ กระชายดา เลยถูกขนานนามว่า
เป็น "โสมไทย" ซึ่งนิยมปลูกมากจนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดเลยทีเดียว
- 11. กระเจี๊ยบแดง
หลายคนนาใบและยอดของกระเจี๊ยบแดงไปใส่ในแกง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรสเปรี้ยวในอาหาร
แล้ว ใบกระเจี๊ยบแดงยังแก้โรคพยาธิตัวจี๊ด แก้ไอ ละลายเสมหะ ส่วนดอกใช้แก้โรคนิ่วในไต นิ่วใน
กระเพาะปัสสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด
แต่ส่วนที่มีสรรพคุณมากเป็นพิเศษก็คอ ส่วนกลีบเลียงของดอก หรือกลีบที่เหลืออยู่ที่ผล
ื
้
สามารถช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดน้าหนัก ลดความดันโลหิต นาไปทาเป็นน้ากระเจี๊ยบดื่มช่วย
ให้ร่างกายสดชื่น ลดความเหนียวข้นของเลือด ขับปัสสาวะ ป้องกันต่อมลูกหมากโตให้คุณผู้ชายได้
ด้วย และมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า หากรับประทานกระเจี๊ยบแดงต่อเนื่อง 1 เดือน จะทา
ให้ระดับน้าตาลในเลือดลดลง ระดับไขมันในเลือด ทั้งคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันเลว
(LDL) ลดลง และยังเพิ่มไขมันชนิดดีคือ HDL ได้ด้วย
- 12. มะขามป้อม
เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก-กลางที่จัดเป็นยาอายุวัฒนะ เพราะมีสรรพคุณเพียบในแทบทุกส่วนของ
ต้น แต่ที่รู้จักกันดีก็คือ ผลของมะขามป้อมจะมีรสเปรี้ยวมาก ๆ แต่ก็ชุ่มคอ และให้วิตามินซีสูงมาก
เช่นกัน ดังนั้น จึงมีคนนาผลมะขามป้อมสดมาใช้เป็นยาแก้หวัด แก้ไอ ละลายเสมหะ รักษาโรค
เลือดออกตามไรฟัน
นอกจากนั้นแล้ว ส่วน "ราก" ยังแก้พิษตะขาบกัด แก้ร้อนใน ลดความดันโลหิต แก้โรค
เรื้อน ส่วนเปลือก แก้โรคบิด และฟกช้า ส่วนปมก้าน ใช้เป็นน้ายาบ้วนปาก แก้ปวดฟัน "ผล
แห้ง" ใช้รักษาอาการท้องเสียง หนองใน เยื่อบุตาอักเสบ แก้ตกเลือด และส่วน "เมล็ด" ก็สามารถ
นาไปเผาไฟผสมกับน้ามันพืช ทาแก้คัน แก้หืด หรือจะตาเมล็ดให้เป็นผง ชงกับน้าร้อนดื่มแก้
โรคเบาหวาน หอบหืด หลอดลมอักเสบก็ได้
- 13. ฟ้าทะลายโจร
ฟ้าทะลายโจร เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร ทุกส่วนมีรสขม สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุก
คนรู้จักกันดีก็คือ ใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้หวัดใหญ่ แก้ร้อนใน เพราะมีฤทธิ์ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่
ร่างกาย หากรับประทานบ่อย ๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหวัดง่าย นอกจากเรื่องหวัดแล้ว ฟ้าทะลาย
โจรยังระงับอาการอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ขับเสมหะ รักษาอาการท้องเสีย ลาไส้อักเสบ รักษาโรค
ตับ เบาหวาน โรคงูสวัด ริดสีดวงทวาร และรสขมของฟ้าทะลายโจรยังช่วยให้เจริญอาหารอีกด้วย
ข้อควรระวัง ก็คือ คนที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A , ผู้ที่
เป็นโรคหัวใจรูห์มาติค , มีอาการเจ็บคอ เนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย, เป็นความดันต่า และ
สตรีมีครรภ์ ไม่ควรทานฟ้าทะลายโจร และหากใครทานแล้วเกิดปวดท้อง ปวดเอว วิงเวียนศีรษะ ใจ
สั่น ควรหยุดใช้ฟ้าทะลายโจร นอกจากนั้นแล้ว ยังไม่ควรรับประทานต่อเนื่องนานเกินไป เพราะอาจทา
ให้แขนขามีอาการชา หรืออ่อนแรงได้
- 14. มะรุม
พืชสมุนไพรสุดแสนมหัศจรรย์ เพราะนอกจากจะนามาปรุงอาหารรับประทานแล้วได้รับสารอาหาร
อย่างวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม โพแทสเซียม ใยอาหาร แล้ว มะรุม ยังเป็นยาวิเศษรักษาที่ทุกส่วน
สามารถใช้รักษาได้สารพัดโรค
เริ่มจาก "ราก" ที่จะช่วยบารุงไฟธาตุ แก้อาการบวม "เปลือก" ใช้ประคบแก้โรคปวดหลัง
ปวดข้อ รับประทานเป็นยาขับลมในลาไส้ "กระพี้" ใช้แก้ไขสันนิบาด "ใบ" มีแคลเซียม วิตามินซี และ
สารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ใช้แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน
ๆ "ดอก" ช่วยบารุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้าตา ใช้ต้มทาน้าชาดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย "ฝัก" ใช้
แก้ไข้หัวลม "เมล็ด" นามาสกัดเป็นน้ามันใช้รักษาโรคปวดข้อ โรคเกาท์ รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา
และ "เนื้อในเมล็ดมะรุม" ใช้แก้ไอได้ดี รวมทั้งยังเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้ด้วย หากรับประทาน
เป็นประจา แต่สาหรับคนที่เป็นโรคเลือด G6PD ไม่ควรรับประทานมะรุม